การสร้างให้ตัวเรามีความสุขทั้งกายและสุขทั้งใจนั้นคงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนล้วนปรารถนา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกๆ อย่างของเราก็ล้วนต้องการให้ตัวเองมีความสุขเป็นพื้นฐาน และถ้าตัวเราเองยังไม่อยู่ในภาวะที่ “พร้อม” แล้วก็คงยากจะที่สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จหรือเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
และจากประเด็นนี้ ผมเลยขอยกหลัก 6 อย่างของ Edward Hallowell ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือ Drive to Distraction at Work ที่ว่าด้วยการปฏิบัติตัวเพื่อทำให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงและมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย โดยมีดังต่อไปนี้ครับ
1. นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับเป็นกิจกรรมที่เราทำอยู่ในทุกๆ วัน แต่หลายคนอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักทั้งที่จริงๆ แล้วการนอนหลับมีส่วนสำคัญมากที่จะทำให้ร่างกายเราอยู่ในภาวะที่สมบูรณ์ แข็งแรง มีพลังงานในการใช้ชีวิตแต่ละวัน นั่นยังรวมไปถึงการปรับสภาพจิตใจให้อยู่ในภาวะที่ผ่อนคลาย พร้อมที่จะคิดหรือทำอะไรใหม่ๆ ด้วย ฉะนั้นแล้วอย่างน้อยๆ เราก็ควรจะนอนหลับให้เพียงพอ รวมถึงการนอนหลับให้ถูกวิธีเพื่อให้ตลอดช่วงเวลาที่คุณนอนนั้นคุณได้พักผ่อนอย่างจริงๆ
2. การกินอาหารถูกหลักโภชนาการ
การกินก็คงเป็นสิ่งที่คู่กับการนอนเมื่อพูดถึงกิจวัตรประจำวัน แน่นอนว่าการกินดีก็ย่อมนำไปสู่การอยู่ดีด้วยเหมือนกัน ซึ่งการกินดีที่ว่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องของการกินอาหารแพงๆ หรือต้องพิถีพิถันมากมายแต่อย่างใด หากแต่คุณสามารถประเมินได้ว่าการกินอาหารของคุณนั้นเป็นประโยชน์กับสุขภาพของคุณมากแค่ไหน คุณกินอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป นั่นรวมไปถึงประเภทของอาหารที่คุณกินในแต่ละวันนั้นเพียงพอกับพลังงานที่ต้องใช้หรือไม่ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องคิดและพิจารณาให้ดีนั่นเอง
3. ออกกำลังกาย
แน่นอนว่าการออกกำลังเป็นประโยชน์ที่ดีในแง่การรักษาสุขภาพอยู่แล้ว คุณจะมีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น สามารถยืดหยุ่นและเพิ่มศักยภาพทางด้านร่างกายได้ดีขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน การออกกำลังกายก็มีส่วนในการระบายความเครียดและทำในสมองของคุณปลอดโปร่งมากขึ้นด้วย คนเก่งๆ หลายคนเองก็ใช้การออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการคิดของตัวเอง (หลายคนมักพูดทำนองว่าเวลาไปวิ่งจะทำให้สมองแล่น) ด้วยเหตุนี้ คงจะดีถ้าคุณปันเวลาบางส่วนของคุณมาออกกำลังกายเสียบ้างในแต่ละอาทิตย์ หรือถ้าจะยิ่งทำเป็นกิจวัตรอย่างต่อเนื่องก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยทีเดียว
4. ทำสมาธิ
แม้แต่ในตะวันตกเองก็ยังยอมรับว่าการทำสมาธินั้นสามารถช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีได้ นั่นยังรวมไปถึงภาวะของสมองที่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การนั่งสมาธิหรือทำสมาธิขณะยามว่างจึงถือเป็นกิจกรรมที่คุณควรหาเวลาทำอยู่บ่อยๆ มันจะช่วยทั้งการผ่อนคลายความตึงเครียด ฝึกการมีสมาธิของคุณซึ่งจะเอื้อกับการใช้ชีวิตและการทำงานของคุณอีกต่างหาก
5. ฝึกจำลองสถานการณ์ต่างๆ
หนึ่งในสิ่งที่จะช่วยคุณอยู่พอสมควรคือการคิดจำลองสถานกาณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงการฝึกบริหารสมองอยู่เสมอๆ ซึ่งมันอาจจะฟังดูเหมือนทำให้เราเป็นคนคิดมากหรือจะต้องเจอกับความตึงเครียด แต่ถ้าคุณทำมันในระดับที่พอดีแล้ว มันก็จะเป็นประโยชน์กับคุณอยู่พอสมควร เช่นทำให้คุณมีปฏิกริยาโต้ตอบที่ไวขึ้น เฉียบคมมากขึ้น เช่นเดียวกับสามารถรับมือกับอารมณ์หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ดีกว่าปรกติด้วย กระบวนการจำลองสถานการณ์ต่างๆ นี้เองคือสิ่งที่คนทำงานหลายๆ คนผ่านการฝึกฝนเช่นนักบิน ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีสตินั่นเอง
6. ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
แม้ว่าทุกวันนี้เราจะอยู่ในยุคที่เราสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นผ่านทางเทคโนโลยีที่สะดวกสบายแล้ว แต่การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นก็ควรจะถูกให้ความสำคัญอยู่เช่นการพบปะผู้คน ได้พูดคุยตรงหน้า ทั้งนี้เพราะการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้นมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นทักษะด้านสังคมของคุณ นอกจากนี้การเจอคนอื่น ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน ก็ทำให้คุณเองไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ได้มองเห็นมุมมองอื่นๆ รวมทั้งเปิดความรู้สึกตัวเองไปพร้อมๆ กัน ซึ่งกระบวนการนี้เองที่ช่วยให้พื้นฐานด้านจิตใจของคุณดีขึ้นกว่าการจมอยู่กับตัวเองและไม่พูดคุยกับใคร