ปัญหาที่ Finfluencer อาจสร้างให้กับบริษัท

หนึ่งในสาย Infuencer ที่ถูกพูดถึงกันเยอะคือกลุ่ม Finance ที่อาจจะเรียกย่อกันว่า Finfluencer โดยสร้างคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, TikTok, Facebook โดยเผยแพร่แนวคิดด้านการเงิน การลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น Cryptocurrency อสังหา ฯ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ Finfluencer นี้กลายเป็นประเด็นที่ต้องกังวลอยู่ไม่น้อยกับผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยหรือแม้กับตัวองค์กรเองก็ตาม
ในบทความ How “Finfluencers” Can Create Risk for Your Company" ของ Harvard Business Review ได้เปิดประเด็นไว้ว่าการลงทุนส่วนใหญ่ในอดีตนั้นจะได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินที่มีใบอนุญาต แต่ในปัจจุบัน Finfluencers ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ซึ่งประมาณ 40% พึ่งพาข้อมูลจาก Finfluencers ในการตัดสินใจลงทุน
จุดเด่นของ Finfluencer คือการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาที่เข้าถึงได้ และเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ ทำให้การลงทุนดูเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้มากขึ้น นักลงทุนรุ่นใหม่จึงสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น Stock Options และคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อหวังผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น
ความแตกต่างสำคัญอีกประการของที่ปรึกษาทางการเงินกับ Finfluencer คือการต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมและกฎหมายที่เข้มงวด เช่น ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า ตรวจสอบสถานะทางการเงินของลูกค้าก่อนให้คำแนะนำ รับค่าธรรมเนียมจากบริการที่ให้ ไม่ใช่จากการโฆษณาหรือโปรโมทผลิตภัณฑ์
ในทางตรงกันข้าม Finfluencers ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต ไม่มีข้อผูกมัดด้านจรรยาบรรณ และสร้างรายได้จากโฆษณา สปอนเซอร์ หรือ Affiliate Marketing โดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ติดตามเป็นหลัก บางรายอาจใช้ความนิยมในการสร้างกระแสเก็งกำไรหรือปั่นหุ้น (Pump and Dump)
จากสถานการณ์ดังกล่าวนั้น แม้ว่า Finfluencer อาจจะถูกมองว่าเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ที่ดีด้านการลงทุน แต่ก็มีประเด็นที่ต้องห่วงสำหรับองค์กรอยู่ ไม่ว่าจะเป็น
1. การบิดเบือนข้อมูลและปั่นหุ้น
เนื้อหาของ Finfluencers บางคนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมูลค่าของบริษัท ตัวอย่างเช่น หุ้นของ Nikola เคยถูกปั่นราคาสูงสุดที่ $2,000 ในปี 2022 ก่อนจะร่วงลงมาเหลือเพียง $1 ในปัจจุบัน เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลที่เกินจริงบนโซเชียลมีเดีย
2. ความผันผวนของตลาด
หากหุ้นถูกโปรโมทโดย Finfluencers โดยไม่มีข้อมูลทางธุรกิจรองรับ อาจส่งผลให้ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงอย่างรุนแรง นักลงทุนที่ไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอาจตกเป็นเหยื่อของการเก็งกำไรและขาดทุนหนัก
3. ผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท
หากมี Finfluencer ใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงพนักงาน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ของบริษัท
4. การขาดกฎระเบียบที่ควบคุม
ในขณะที่บางประเทศเริ่มมีการออกกฎเพื่อควบคุม Finfluencers เช่น SEBI ในอินเดีย และ Financial Conduct Authority (FCA) ในสหราชอาณาจักร แต่ในสหรัฐฯ การกำกับดูแลยังคงมีข้อจำกัด ทำให้เกิดความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
Finfluencers เป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการการลงทุน และจะมีบทบาทสำคัญต่อไปในอนาคต แม้ว่าพวกเขาจะช่วยกระจายความรู้ทางการเงินได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการ
บริษัทจึงต้องมีมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และมูลค่าของหุ้นจากผลกระทบของข้อมูลที่ผิดพลาดบนโซเชียลมีเดีย โดยการเฝ้าระวังสื่อออนไลน์ วางแผนการสื่อสารที่ชัดเจน และสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุนเพื่อส่งเสริมการตัดสินใจที่อิงกับข้อมูลเชิงลึกมากกว่ากระแสบนโลกออนไลน์
Comments