Slideshow – Ad Format ดีๆ ที่หลายคนมักมองข้าม
ถ้าพูดเรื่องการทำ Facebook Ad นั้น หลายๆ คนก็มักจะมองไปเรื่อยการทำคอนเทนต์ด้วยรูปภาพสวยๆ หรือไม่ก็ไปเรื่องการทำ Video Ad ไปเลย เพราะเป็นคอนเทนต์ที่น่าจะเป็นพื้นฐานที่คนมองหากัน
แต่เอาจริงๆ แล้วมัน Ad Format แบบหนึ่งที่ผมคิดว่าดีและเวิร์กอยู่ไม่น้อยแต่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยได้ลอง หรืออาจจะไม่ได้อยู่ในความสนใจเท่าไร นั่นก็คือ Slideshow นั่นเอง
Slideshow คืออะไร? ทำไมถึงดี?
เวลาพูดคำว่า Slideshow นั้น สิ่งที่เราคงจะนึกตามกันได้แบบเร็วๆ ก็คงไม่พ้นตัว Powerpoint / Keynote ที่เป็นเหมือนการเรียงแผ่น Slide ต่อๆ กันแล้วเปิดไปทีละแผ่นๆ ซึ่งตัว Facebook Ad แบบ Slideshow ก็ไม่ต่างกัน นั่นคือการที่นำภาพหรือวีดีโอที่คุณต้องการมาวางเรียงต่อกัน แล้วทาง Facebook ก็จะนำไปสร้างให้กลายเป็น Video อีกทีนั่นเอง
ฟังดูคอนเซปต์แล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรยากใช่ไหมล่ะครับ แต่ถ้าว่ากันจริงๆ แล้วเราจะเห็นว่ามันมีข้อดีอยู่พอสมควร กล่าวคือ
คุณสามารถสร้าง Video Content ด้วยการใช้รูปภาพมาเรียงต่อๆ กัน โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆ
การสร้างความเคลื่อนไหวในรูปภาพก็ทำให้มันกลายเป็นคอนเทนต์ที่ “ดึงดูดสายตา” ได้ดีกว่าภาพนิ่งๆ
และด้วยการที่เป็น Video Content นั้น ก็ย่อมได้ผลประโยชน์ในเรื่อง Algorithm ที่ไม่เหมือนกับการใช้ Photo
ในขณะเดียวกัน พอเป็น Video Content ก็สามารถทำขนาดของคอนเทนต์เป็นขนาดอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นจะต้อง 16:9 เหมือนกับการใช้ Photo ปรกติ (ซึ่งเป็นขนาดตายตัว) และนั่นทำให้คุณมีโอกาสทำคอนเทนต์แบบ 1:1 แล้วสามารถใส่ Link ให้กดได้ด้วย (และใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของรูปที่เพิ่มขึ้น)
และเราสามารถใช้ Thumbnail เป็นตัวปิดหน้าเพื่อทำให้การซื้อ Ad ได้ง่ายขึ้นและไม่ต้องโดนกฏ Text 20% ได้ด้วย
พอเป็นแบบนี้แล้ว เราก็สามารถพลิกแพลงการทำ Ad ได้เยอะมากจากรูปเดิมๆ แทนที่จะเป็น Photo Ad เพลนๆ ปรกติ อย่างที่ผมทำคือด้านล่างนี้
ทั้งนี้บางคนอาจจะประยุกต์ตัว Slideshow ได้มากมาย เช่น
ทำเป็นเหมือนวีดีโอแนะนำสินค้าแบบง่ายๆ (ค่อยๆ เปลี่ยนภาพสินค้าไปเรื่อยๆ)
ใช้ภาพเดียวกันมาเรียงต่อกันเพื่อเปลี่ยนภาพนิ่งเป็น Video และใช้ประโยชน์ของขนาดภาพ / Algorithm
ทำคอนเทนต์ภาพที่ Text เยอะๆ แต่ใช้ภาพ Thumbnail ที่ไม่ติด Text 20% แล้วสามารถ Boost Post / ซื้อ Ad ได้
ฯล
สำหรับผมแล้ว นี่เป็น Ad Format ที่เข้าท่ามากสำหรับหลายๆ คนที่อยากทำ Video Ad แต่ไม่ได้เก่งเรื่องการตัดต่อ หรือการใช้โปรแกรมที่ทำ Effect อลังการ แต่คุณสามารถใช้วิธีคิดการเรียงภาพแบบง่ายๆ เหมือนกับการเล่าบน Powerpoint มาใช้ประโยชน์ได้แบบง่ายๆ แถม Facebook ก็ช่วยทำให้มันง่ายแบบสุดๆ ด้วย
ก็ลองไปใช้กันดูนะครับ :)
Comentarios