Intersecting Interactions”: แก่นของการสื่อสารที่สร้างความร่วมมือและคุณค่าอย่างรวดเร็ว

ความสามารถในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้หมายถึงแค่การพูดให้ชัด หรือเขียนให้เข้าใจ แต่หมายถึง “การสร้างพื้นที่ร่วม” ที่ทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกว่าเสียงของตนมีความหมาย และถูกนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง

แนวคิด Intersecting Interactions ในหนังสือ Communication Catalyst ชี้ให้เห็นว่า จุดตัดของการสื่อสารที่แท้จริง คือการเชื่อมโยงความต้องการ ความกังวล และบริบทของทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน โดยมีกฎสำคัยสามอย่างคือ

1. เคารพเป้าหมาย ความกังวล และบริบทของอีกฝ่าย

การสื่อสารที่ดี เริ่มต้นจากการตั้งใจฟัง – ฟังด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่รอฟังเพื่อจะตอบ เมื่อเราสื่อสารโดยคำนึงถึงว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร กำลังกังวลเรื่องใด หรือเผชิญข้อจำกัดแบบไหน ข้อความของเราจะ “มีความหมาย” มากกว่าการพูดให้ครบ

2. หากเพิกเฉยต่อประเด็นของคนอื่น คุณจะพบกับแรงต้าน

บ่อยครั้งที่องค์กรสื่อสารจากมุมของตนเอง โดยไม่ได้คำนึงว่าอีกฝ่ายพร้อมหรือเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อหรือไม่ ผลลัพธ์คือเกิดความเข้าใจผิด ความไม่ไว้ใจ หรือความรู้สึกว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของเรา” ซึ่งกลายเป็นแรงต้านโดยไม่รู้ตัว

3. หากคุณคำนึงถึงประเด็นของคนอื่น คุณจะได้รับความร่วมมือและเกิดการสร้างคุณค่า

การสื่อสารที่ตระหนักถึง “อีกฝ่าย” ทำให้เกิดการเชื่อมโยง ไม่ใช่แค่ส่งข้อมูล นี่คือจุดเริ่มของความร่วมมือที่แท้จริง เพราะเมื่อคนรู้สึกว่าเขา “เป็นส่วนหนึ่ง” ของบทสนทนา เขาจะอยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และร่วมสร้างคุณค่าไปด้วยกัน

ในยุคที่ข้อมูลมหาศาลไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ผู้นำและทีมงานที่สามารถสื่อสารโดย “เชื่อมโยง” ไม่ใช่แค่ “ส่งสาร” จะเป็นกลุ่มที่ได้เปรียบซึ่งการสื่อสารแบบ Intersecting Interaction ไม่เพียงทำให้คุณเข้าใจกันมากขึ้น แต่ยังสร้างความไว้วางใจ ความร่วมมือ และผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาวอีกด้วย