top of page

Like Ad หรือ Boost Post? เลือกใช้ให้ถูก เพจจะได้ปัง

วันก่อนมีคนมาปรึกษาผมเรื่องการทำ Facebook Page แล้วบอกว่าตัวเพจนั้นยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จะทำอย่างไรได้บ้าง ผมก็เลยลองถามต่อว่าที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง ได้มีการลงโฆษณาไปบ้างไหมซึ่งก็ได้คำตอบว่าทุกวันนี้ทำคอนเทนต์แล้วก็มีการ Boost Post อยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร

สถานการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยิน แต่ก็มีหลายๆ คนมาถามผมอยู่เรื่อยๆ ว่าทำไม Boost Post แล้วไม่เวิร์ค ทำไมยอดแฟนไม่มา ไม่มีคนมาไลค์เลย

เรื่องนี้เลยตบเข้ากับที่ผมมักบอกบ่อยๆ ว่าที่ Facebook Page ยังไม่เปรี้ยง บางทีเพราะเราซื้อโฆษณาไม่ถูกประเภทก็ได้

ที่บอกเช่นนี้เพราะถ้าใครที่อ่านรายละเอียดของโฆษณาต่างๆ ที่ Facebook มีให้นั้น จะเห็นว่ามีโฆษณาอยู่หลายประเภทขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของเรา ซึ่งก็จะมีมากมายตั้งแต่การเน้นสร้าง Traffic ไปเที่ยวเว็บ เน้นการเห็นคอนเทนต์ หรือการสร้าง Engagement โดยตรงนี้ Facebook ก็จะออกแบบระบบ Algorithm ของโฆษณามาให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงโฆษณามากที่สุด (อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมก็อ่านที่ Facebook Ad Guide ได้ครับ)

Like Ad vs Boost Post

ทีนี้มาถึง Ad สองประเภทที่คนใช้กันบ่อยๆ ซึ่งชื่อที่เราคุ้นเคยก็คือ Like Ad (Pages Like Ad) และ Boost Post (Page Post Engagement) ซึ่งหลายๆ คนอาจจะมองว่ามันคือการ “ซื้อโฆษณา” เหมือนกัน แต่จริงๆ มันก็ไม่ถึงกับเหมือนกันอย่างนั้นหรอกนะครับ

เรามาทำความเข้าใจกันนิดนึงว่า Like Ad นั้นเป็นโฆณาที่เน้นการสร้างยอด Like กับเพจที่ลงโฆษณา พูดกันง่ายๆ คือการสร้างฐาน “คนติดตาม” ให้กับเพจ โดยไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการให้คนเห็นคอนเทนต์ขึ้นแบบทันทีทันใด ทั้งนี้เนื่องจากโฆษณาของ Like Ad นั้นจะมีลักษณะตามรูปด้านล่างนี้

ทั้งนี้ Facebook ก็ให้เราสามารถปรับเปลี่ยนรูปภาพและข้อความได้ตามต้องการ รวมทั้งการเลือกว่าจะใช้รูปกี่รูปในการ Optimize เพื่อหาตัว Ad ที่มีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด

แน่นอนว่าโฆษณาชุดนี้เหมาะกับเรื่องของการ “สร้างฐานแฟน” เป็นหลัก ซึ่งจะมีประโยชน์มากกับเพจที่เน้นการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเมื่อคนเหล่านี้กดไลค์เพจแล้วก็จะมีโอกาสเห็นโพสต์แบบ Organic ได้ (บ้าง)

ในทางกลับกันนั้น ตัว Boost Post จะทำหน้าที่อีกอย่าง นั่นคือการ “ทำให้คนเห็นโพสต์ (นั้นๆ) ของเพจ” พูดง่ายๆ คือการเพิ่มจำนวนคนเห็นโพสต์ที่เราเลือก Boost นั่นแหละ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ที่เรา “จ่ายเงินเพื่อให้เห็น” จะเป็นคนกลุ่มไหน ทั้งคนกลุ่มที่กดไลค์เพจอยู่แล้ว คนที่เป็นเพื่อนของคนที่กดไลค์ หรือแม้แต่คนที่เราเลือกตามความต้องการ ซึ่งตัวโฆษณานี้ก็จะแสดงผลเหมือนกับโพสต์คอนเทนต์ปรกติแต่จะมีตัวขึ้นว่าเป็น sponsored นั่นเอง

ส่วนเหตุผลที่เขามักเรียกกันว่า Page Post Engagement นั้นเพราะสมมติฐานที่ว่ายิ่งคนเห็นคอนเทนต์มากขึ้นเท่าไร มันก็จะมีโอกาสที่เขาจะอ่าน คลิ้ก กดไลค์ คอมเมนต์ หรือแชร์นั่นเอง

แล้วใช้ตัวไหนดี?

เอาจริงๆ เราก็ต้องใช้มันทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายของเพจ เช่น

  1. ถ้าเพิ่งเปิดเพจใหม่ เราก็อาจจะต้องเน้นการสร้างฐานแฟนให้โตเร็วที่สุดก่อน จึงควรเลือกใช้ Like Ad เป็นโฟกัสแรก

  2. สำหรับเพจที่มีฐานแฟนมากระดับหนึ่งแล้วต้องการโปรโมทคอนเทนต์ โปรโมทสินค้าใหม่กับฐานแฟนเดิม ก็ใช้ Boost Post ไป

  3. ธุรกิจบางธุรกิจไม่เน้นให้คนมาตามไลค์ เช่นประกาศขายคอนโด อาจจะเน้น Boost เป็นหลักแทน (คนเราไม่ได้ซื้อคอนโดกันบ่อยๆ)

ทั้งนี้ผมยังย้ำเสมอว่ามันไม่มีสูตรตายตัว ซึ่งเราก็สามารถเอามาพลิกแพลงใช้ได้ตามแต่ที่จะคิดกลยุทธ์ขึ้นมาต่างหาก

แล้วทำไมเขา Boost แล้วแฟนเพิ่มกันเยอะ?

เคสนี้ถ้าจะอธิบายแบบหลักจิตวิทยาง่ายๆ คือบางโพสต์นั้นถูก Boost ไป “โดนใจ” และทำให้คนที่อ่านรู้สึก “อยากติดตาม” จนกดไลค์เพจเพิ่ม แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่อ่าน กดไลค์โพสต์ หรือกดแชร์จะกดไลค์เพจกันทุกคน ลูกค้าบางคนอาจจะสนใจแต่ซื้อครั้งเดียวโดยไม่ได้อยากกดไลค์ติดตาม อีกทั้งเคสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไปด้วย มันมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ถ้าใครใช้วิธีคิดแบบ Content Marketing ดีๆ ก็จะสามารถใช้จุดนี้สร้างโอกาสได้เยอะอยู่ เพราะถ้าทำคอนเทนต์ดีๆ อย่างต่อเนื่องก็จะมีเหตุผลให้คนอยากมาติดตามเพิ่มนั่นเอง

Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page