top of page

[เคล็ดลับมนุษย์เงินเดือน] 21 – อย่าเอาแต่รอโอกาส แต่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับโอกาส

การได้มีโอกาสก้าวหน้าในการงาน ไม่ว่าจะเลื่อนตำแหน่ง ขึ้นเงินเดือน หรือได้มีโอกาสสร้างพอร์ทดีๆ จากโปรเจคต่างๆ ดูจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนเฝ้ารออยู่ เพราะนั่นน่าจะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชีวิตการงานตัวเองแทนที่จะรอให้อายุงานเยอะๆ แล้วปรับขึ้นตามกาลเวลาเฉยๆ

แต่สิ่งที่หลายๆ คนมักเจอ (รวมทั้งที่ผมเห็นมาในหลายครั้ง) คือพอมีโอกาสทองลอยมาตรงหน้า คนที่เฝ้ากลับคว้าเอาไว้ไม่ได้เนื่องจากยังไม่มีความพร้อมที่จะสามารถทำงานได้ตามโอกาสที่เข้ามา เช่นเมื่อมีโอกาสที่ได้แสดงความสามารถในการนำเสนองานกับลูกค้าใหญ่เนื่องจากคนที่รับผิดชอบไม่สะดวก กลับอึกอัก ไม่พร้อม และทำได้ไม่ดี หลายๆ คนอาจจะถึงขั้นขอปฏิเสธด้วยความกลัวพร้อมเหตุผลว่า “ยังไม่พร้อม”

การกลัวและบอกว่า “ไม่พร้อม” นี่เองที่ทำให้หลายๆ คนพลาดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตอย่างน่าเสียดาย แทนที่ชีวิตจะสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วกลับต้องชะงักหรือไปช้ากว่าที่ควรจะเป็นทั้งที่โอกาสมาถึงตรงหน้าแล้ว

ตอนที่ผมดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นเรื่อง Top Caster นั้น มีตอนหนึ่งที่นางเอกของเราซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวฝึกหัดต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศหลักเนื่องจากรุ่นพี่มีเหตุไม่สามารถมาทำงานได้ เธอเอาแต่กลัวและไม่กล้าที่จะรับภาระอันยิ่งใหญ่นี้เพราะคิดว่า “มันยังไม่ถึงเวลา” “ฉันยังไม่พร้อม” แต่รุ่นพี่ของเธอตวาดกลับทางโทรศัพท์ว่านี้คือจังหวะสำคัญของชีวิตที่เธอต้องคว้าเอาไว้แบบเดียวกับที่รุ่นพี่เคยทำมาก่อน (และนั่นคือจุดที่ทำให้เธอกลายมาเป็นผู้ประกาศหลัก) ท้ายที่สุดของตอนเธอก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศจริงๆ แม้ว่าจะเป็นแค่ชั่วคราวแต่นั่นก็ทำให้ชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

ลองคิดในสถานการณ์เดียวกับที่ทำงานคุณ ถ้าเกิดสมมติวันดีคืนดีเจ้านายของคุณมีโปรเจคด่วนเข้ามา สำคัญมาก และถามหาว่าคุณจะสามารถรับมาทำได้หรือไม่? คุณคิดว่าคุณควรจะตอบว่าอะไร?

แน่นอนว่าถ้าคุณตอบไม่ เจ้านายของคุณก็คงจะมองว่าไม่แปลก แล้วก็หันไปหาคนอื่นที่อาจจะตำแหน่งสูงกว่า แต่ถ้าคุณกล้าเดินออกมารับ แน่นอนว่ามันเสี่ยงที่จะต้องเจอกับความผิดพลาดได้ (เพราะคุณกำลังทำสิ่งที่คุณอาจจะไม่เคยทำมาก่อน) แต่ถ้าคุณทำสำเร็จ นั่นก็ทำให้คุณพลิกชีวิตได้เลยเหมือนกัน

ฉะนั้น ความมั่นใจที่จะคว้าโอกาสก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ

แต่สิ่งที่สำคัญพอๆ กัน (และเป็นที่มาของบล็อกนี้) คือการเตรียมพร้อมให้กับโอกาสนั้นด้วย คุณควรลองถามตัวเองว่าโอกาสที่จะมาซึ่งคุณมองว่าคือ “ความฝัน” ของคุณนั้นจะเป็นอย่างไร และคุณต้องมีความพร้อมอย่างไรที่จะทำงานตำแหน่งนั้นได้ เมื่อรู้แล้วก็ต้องรีบหาเวลาสะสมประสบการณ์และฟูมฟักตัวเองให้พร้อม เพราะวันที่โอกาสมาถึงคุณก็พร้อมจะคว้ามันได้อย่างมั่นใจและพร้อมด้วยคุณสมบัติที่ครบครัน

ตัวอย่างหนึ่งที่ผมมักยกควบคู่กับเรื่องนี้คือขงเบ้ง ที่เก็บตัวศึกษาตำราต่างๆ อย่างถ่องแท้ในบ้านอันห่างไกล แม้ว่าช่วงเวลาที่ศึกษาและสะสมความรู้นั้นอาจจะยังไม่มีใครเห็นค่าของเขา แต่การฝึกฝนและหล่อหลอมตัวเองทำให้เขาเป็นปราชญ์ชั้นยอดที่หาใครเทียมได้ เหลือเพียงโอกาสจะมาถึงตรงหน้า นั่นก็คือวันที่เล่าปี่เข้าไปขอให้เขามาเป็นกุนซือ ซึ่งพอเขาได้โอกาสแล้ว เขาก็กลายเป็นมังกรผงาดที่ทำให้คนทั้งสามก๊กต้องถึงกับยอมรับในฝีมือ

ผมลองมาคิดเรื่องชีวิตของผมเอง หลายๆ อย่างที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปก็คล้ายๆ กับเรื่องนี้ อย่างเช่นการที่ผมอ่านหนังสือไว้เยอะมาก แม้ว่าหลายๆ เล่มอาจจะไม่ได้ถูกนำมาใช้จริง ณ ตอนนี้ แต่การที่ผมสะสมข้อมูลและประเด็นน่าสนใจหลายๆ อย่างเอาไว้มันกลายเป็นประโยชน์กับผมในเวลาต่อมาเมื่อผมต้องพูดคุยกับลูกค้า หรือผู้ใหญ่ในบริษัทต่างๆ ซึ่งกลายเป็นว่าข้อมูลต่างๆ ที่ผมสะสมไว้กลายเป็นบทสนทนาที่ทำให้ผมถูกมองต่างไปจากภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเฉยๆ และนั่นทำให้ผมก้าวเข้าสู่เส้นทางแบบในทุกวันนี้

ฉะนั้น อย่าลืมถามตัวเองนะครับว่าคุณพร้อมกับโอกาสที่จะมาตรงหน้าหรือยัง หากวันพรุ่งนี้เจ้านายมอบหมายให้คุณเป็นพรีเซนต์เตอร์หลักของการนำเสนองาน คุณพร้อมจะลุกขึ้นมาเป็นคนนำเสนอเองไหม ถ้าลูกค้าอยากมอบโปรเจคพิเศษที่นอกเหนือจากงานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ คุณคิดว่าตัวเองพร้อมจะรับมันมากแค่ไหน

อย่ารอแค่โอกาส แต่คุณต้องพร้อมจะคว้าโอกาสด้วยนะครับ

Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page