top of page

แง่คิดที่ควรรู้เกี่ยวกับ Creative Thinking

วันก่อนผมได้มีโอกาสบรรยายเรื่อง Creative Problem Solving ซึ่งหนึ่งในเนื้อหานั้นคือการพูดถึงเรื่องการสร้างความคิดสร้างสรรค์ที่หลายๆ คนอาจจะฟังดูแล้วเหมือนเรื่องที่ห่างไกลกับตัวเอง (ถ้าคุณไม่ได้ทำงานสายครีเอทีฟ) แต่ในความเป็นจริงนั้น เรื่องของความคิดสร้างสรรค์เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ และต่อให้คุณไม่ใช่คนครีเอทีฟก็ยังสามารถมีความคิดสร้างสรรค์ได้

บล็อกนี้เลยขอนำแนวคิดที่ผมมีให้ในการบรรยายนั้นมาฝากแล้วกันนะครับ

1. Creative Thinking เป็นทักษะซึ่งสามารถฝึกฝนได้

หลายๆ คนมักจะคิดว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นเรื่องพรสวรรค์ และชั้นคงไม่ได้เป็นคนครีเอทีฟเพราะไม่มีพรสวรรค์ แต่จริงๆ แล้วจากบรรดานักคิดหลายๆ คนเหรือแม้แต่ครีเอทีฟชื่อดังก็มักจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ “ทักษะ” ซึ่งสามารถฝึกฝนกันได้ พูดกันง่ายๆ คือคนทุกคนสามารถเพิ่มศักยภาพในการสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ถ้าหากหมั่นใช้ ฝึกฝน และลับคมให้มากขึ้น

2. Creative Thinking เกี่ยวโยงกับคนรอบข้างของเรา

นอกจากปัจจัยเรื่องของตัวเราเองแล้ว ปัจจัยที่มีผลในการที่เราจะคิดแบบสร้างสรรค์ได้หรือไม่ก็อยู่ที่คนรอบข้างเรานั่นเอง ว่ากันง่ายๆ คือถ้าคนรอบข้างของเราเป็นพวกชอบคิด ชอบและเปลี่ยนต่างๆ การที่ได้สื่อสารและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนเหล่านี้ก็จะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับเราไปในอีกทางหนึ่ง ลองสังเกตก็ได้ว่าถ้าเราคุยกับคนที่เป็นนักคิดบ่อยๆ นั้น เราเองก็จะเริ่มปรับวิธีคิดให้ไปในแบบกับคนที่เราคุยด้วยบ่อยๆ นั่นเอง

3. Creative Thinking ต้องใช้เวลา สถานที่ และวัตถุดิบในชีวิต

ผมมักจะพูดบ่อยๆ ว่าเราจะคิดงานดีๆ ได้นั้นต้องอาศัยว่าเรามี “วัตถุดิบในชีวิต” มากแค่ไหน ยิ่งเราดูงานเยอะ เห็นเรื่องราวและข้อมูลต่างๆ มากมาย เราก็สามารถหยิบใช้คอนเทนต์เหล่านี้มาต่อยอดให้กับไอเดียของเราได้มากขึ้น นั่นจึงไม่แปลกว่าคนเขียนหนังสือเก่งๆ หลายคนเป็นนักอ่านตัวยง คนทำหนังก็เป็นนักดูหนังไปด้วย หรือครีเอทีฟดังๆ ก็ชอบดูงานของคนอื่น นอกจากนี้แล้ว เวลาคิดงานอะไรสักอย่างนั้น มันต้องเอื้อด้วยเรื่องของสถานที่ที่ “ใช่” และเวลาที่ “ใช่” ควบคู่กันไป (และมันคงไม่ใช่เรื่องที่จะเรียกคนเข้าห้องประชุมแล้วบอกว่าให้คิดไอเดียออกให้ได้แบบทันทีทันใด)

4. Creative Thinking คือการสร้างความหลายหลายของไอเดีย

เคยมีคนบอกผมว่าการคิดแบบสร้างสรรค์คือการมองหาวิธีการหรือแนวทางจากปัญหาเดียวกันให้มากวิธีที่สุด จากนั้นก็เลือกดูว่าวิธีไหนที่จะเหมาะสมและตอบโจทย์ตามที่เราต้องการมากที่สุด ฉะนั้นแล้วการคิดสร้างสรรค์จึงไม่ใช่การคิดและบีบให้ตัวเองอยู่กับตัวเลือกไอเดียเพียงอันเดียว แต่มันคือการเปิดให้มีความหลากหลายของไอเดียแล้วค่อยเลือกดูว่าจะใช้อันไหน ปรับแต่งอย่างไร

สิ่งสำคัญที่ผมมักจะเน้นย้ำบ่อยๆ เวลาที่ผมพูดเรื่อง Creative Thinking คืออย่าคิดแค่ว่าต้องเป็นคนทำงานครีเอทีฟถึงจะจำเป็นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพราะเอาจริงๆ ชีวิตของเราทุกๆ คนก็สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหารอบตัวเราได้

ว่าแล้ว ลองพยายามฝึกความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณดูบ่อยๆ นะครับ

Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page