อย่าวิ่งตามตัวเลขจนลืมคุณค่าในตัวคุณ – แนวคิดชั้นเยี่ยมจากคนไทยเจ้าของ ONE Championship
แม้ว่าคนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก แต่ ONE Championship คือหนึ่งในเจ้าของคอนเทนต์ด้านศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงมากๆ ในภูมิภาค South East Asia แถมมีมูลค่าทางการตลาดสูงและเป็น Partner กับผู้ให้บริการคอนเทนต์ระดับโลกอย่าง Disney ซึ่งทุกวันนี้ ONE Championship เองก็ยังรุกในการเป็น Publisher ชั้นแนวหน้าและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเพิ่งศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
และด้วยความสำเร็จอย่างสูง (มาก) เลยทำให้ ONE Championship กลายเป็นหนึ่งเคสธุรกิจที่น่าจับตามองของ Publisher Transformation ในปัจจุบัน ซึ่งทางชาตรี ศิษย์ยอดธง ซึ่งเป็น CEO ของ ONE Championship ก็ได้แชร์มุมมองน่าคิดมากๆ ในงาน Adobe Symposium ในฐานะหนึ่งในบริษัทที่กำลังสร้าง Business Experience ได้อย่างยอดเยี่ยม
![](https://static.wixstatic.com/media/73e1b1_476bc24fd9b24e40b0ce4913f11d2a68~mv2.jpg/v1/fill/w_147,h_98,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/73e1b1_476bc24fd9b24e40b0ce4913f11d2a68~mv2.jpg)
การตลาดหลงทางด้วยตัวเลข
คุณชาตรีได้เล่าให้เราฟังว่าในช่วงแรกของ ONE Championship นั้น เขาก็เป็นเหมือนกับ Publisher คนอื่นๆ ที่พยายามใช้ Digital Marketing มาเป็นขุมกำลังสำคัญในการเข้าถึงคนบนโลกดิจิทัล อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขารู้สึกหลังจากเวลาผ่านไปคือทีมงานของเขาโฟกัสอยู่กับเรื่องการสร้างประสิทธิภาพในเชิงปริมาณจากตัวเลขต่างๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ตัว ONE Championship ประสบความสำเร็จอย่างที่เขาตั้งเป้าไว้
เพราะนั่นเป็นการ “เอาชนะตัวเลข” แต่ไม่ได้ “เอาชนะใจคนดู”
ตัวเลขคือคำอธิบาย แต่ไม่ใช่เป้าหมาย
จุดสำคัญที่คุณชาตรีย้ำเสมอกับทีมงานของ ONE Championship คือการโฟกัสให้ถูกจุดว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร อย่างตัว ONE Championship นั้นก็เคยพลาดที่จะพยายามปั้มตัวเลขให้ดี พยายามสร้างคอนเทนต์ที่ได้ยอดตัวเลขสวยๆ แต่นั่นทำให้ตัวองค์กรหลุดจากเป้าหมายตั้งต้นของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ ONE Championship จึงกลับมาโฟกัสในเรื่องการนำเสนอเรื่องราวของ Hero Story ผ่านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งนั่นกลายเป็นการทำให้ตัว Business Value กลับมาชัดเจนและเป็นที่จดจำของคนดู ซึ่งสุดท้ายการกลับมาโฟกัสแบบนี้ทำให้ ONE Championship มีผลเติบโตมากขึ้นจนมาถึงปัจจุบัน
![](https://static.wixstatic.com/media/73e1b1_1f193196e82b4145983db2a6164990af~mv2.jpg/v1/fill/w_147,h_98,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/73e1b1_1f193196e82b4145983db2a6164990af~mv2.jpg)
มาถึงตรงนี้เอง ผมเชื่อหลายๆ คนก็ถามว่าแล้วตัวเลขต่างๆ จะนำมาใช้ประโยชน์อะไร เพราะมันก็เหมือนกับการที่ตัว Publisher โฟกัสอยู่ที่ Passion / Vision ของตัวเองมากกว่าการวัด KPI ต่างๆ ซึ่งตรงนี้คุณชาตรีก็ได้อธิบายเสริมไว้อย่างดีว่าตัวเลขต่างๆ ที่นำมารีวิวกันนั้น เป็นเหมือนการอธิบายผลที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทีมงานทำความเข้าใจว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น และเกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร เพื่อให้ทีมงานสามารถนำไปพัฒนาและปรับกลยุทธ์ในอนาคตต่อได้
Publisher ต้องมีทั้งหัวใจและสมอง
ในการเปรียบเทียบแบบง่ายๆ นั้น คุณชาตรีมองว่าคนทำคอนเทนต์ก็ต้องมีหัวใจ หรือความเชื่อว่าเรากำลังทำ สิ่งที่เราทำนั้นมีคุณค่าอย่างไร มันเป็นเรื่องที่มีความหมายกับผู้ชมหรือไม่ ซึ่งถ้าหาตรงนี้ได้แล้ว ตัวคนทำคอนเทนต์ก็ต้องเชื่อมั่นและเดินตามความเชื่อนั้นไป
แต่ในขณะเดียวกัน คนทำงานเองก็ต้องมีสมองหรือจะวิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นได้ผลอย่างไร มีอะไรดีไม่ดีด้วย อย่าง ONE Championship ก็ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อทราบ Feedback จากผู้ชม เช่นเดียวกับสามารถนำไปประยุกต์ต่อเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม เรามักเห็นว่าปัญหาของผู้ผลิตคอนเทนต์ปัจจุบันคือขาดข้อใดข้อหนึ่งไป
เราเห็น Publisher หลายคนที่โฟกัสแต่ตัวเลข พยายามปั้มตัวเลข ซึ่งสุดท้ายก็จะลงเอยกับการหาคอนเทนต์ที่คนชอบ เช่นเรื่องแรงๆ อาชญากรรม ข่าวหวือหวา ซึ่งจริงอยู่ว่ามันอาจจะได้ผลตัวเลขแบบ Short Term แต่ในระยะยาวแล้วมันอาจจะเป็นการทำลายชื่อเสียงและทำลายตัวตนของ Publisher เสียเอง
แต่ในขณะเดียวกัน ถ้า Publisher ประเภทที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก และทำงานแบบไม่ดูเลยว่าอะไรเวิร์คไม่เวิร์ค ไม่มีการคิดวิเคราะห์แต่ใช้ใจทำงานอย่างเดียว มันก็ย่อมมีความเสี่ยงที่จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า ซึ่งก็จะกลายเป็นการพบกับความล้มเหลวได้เช่นกัน
อนาคตจองแบรนด์คือ Content Factory
ในตอนหนึ่งของการสัมภาษณ์นั้น คุณชาตรีได้ให้มุมมองว่าธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ ในอนาคตจะต้องทำตัวเองเป็น Content Factory เพราะนั่นคือประสบการณ์สำคัญที่ผู้บริโภคจะมีต่อแบรนด์ ด้วยเหตุนี้เอง แบรนด์ต่างๆ ก็ต้องเริ่มปรับตัว ปรับมุมมองของตัวเองให้เข้าใจโลกของการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์มากขึ้น รวมทั้งเรียนรู้สกิลใหม่ๆ อย่างเรื่องของ Storytelling ให้เป็นด้วย เพราะไม่อย่างนั้นแล้วแบรนด์ก็จะไม่สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นั่นคือเรื่องราวแบบย่อๆ ที่ผมมีโอกาสสัมภาษณ์คุณชาตรีร่วมกับสื่ออื่นๆ ในงาน Adobe Symposium ซึ่งก็ถือเป็นการสัมภาษณ์ที่เข้มข้นพร้อมกับแง่คิดดีๆ ที่ผมอยากเอามาถ่ายทอดต่อในบล็อกนี้แหละครับ