ภัยจากความเหงา ที่กำลังกัดกร่อนออฟฟิศ
- Nuttaputch Wongreanthong
- 26 ก.ย.
- ยาว 1 นาที

คงไม่อาจปฎิเสธได้ว่าผลกระทบด้านสังคมนั้นจะส่งผลต่อธุรกิจที่มีคนเป็นกลไกสำคัญ
แล้วมันก็น่าคิดว่าถ้าสังคมเรากำลังกลายเป็นสังคมของคนเหงา คนที่ขาดการเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ มากขึ้นแล้ว งานในออฟฟิศจะเป็นอย่างไร ?
นั่นเป็นประเด็นน่าคิดที่ผมได้จากการอ่านบทความของ HBR ว่าด้วยสัญญาณที่หลายธุรกิจกำลังเจอคือ "คนเงียบขึ้น" "คนไม่กล้าที่จะริเริ่มอะไรใหม่" หรือแม้แต่การทำงานในออฟฟิศกลายเป็นแบบ Transaction มากขึ้น
ตรงนี้เองที่หลายคนอาจจะมองว่าเพราะสภาพการทำงานธุรกิจแบบใหม่นั้นทำให้คนรู้สึกเหนื่อยล้าจนไม่มีชีวิตชีวาแบบแต่ก่อน แต่ถ้ามองในอีกมุมมหนึ่งคือการที่คนเราเริ่มเข้าสู่ภาวะ Lost Connection แปรเปลี่ยนกลายเป็นความเหงานั้นกำลังทำให้ความสัมพันธ์ในทีมและในองค์กรไม่เหมือนเดิมอย่างเช่นความไว้วางใจและความสามัคคีอาจจะค่อย ๆ ถูกทำลายไปอย่างไม่รู้ตัวซึ่งนั่นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากของการสร้างนวัตกรรมหรือการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ
สิ่งที่เราควรจะจับตามองคือภาวะเหงาที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมอันเกิจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและเทคโนโลยีในวงกว้าง รูปแบบการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกับวิถีการทำงานที่ทำให้หลายคน "สันโดษ" มากกว่าเดิม ปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นนั้นกลายเป็นการสื่อสารที่ไม่ได้ลึกซึ้ง เป็นเพียงการประสานงานผ่านหน้าจอหรือข้อความใน Chat ไป ซึ่งตรงนี้จะค่อย ๆ สร้างช่องว่างระหว่างตัวพนักงานให้เพิ่มขึ้น
กลไกอันน่ากลัวนี้เองเป็นส่วนที่ทำให้ความเหนื่อยหน่ายในการทำงานสูงขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง และอาจนำไปสู่การลาออกที่มากขึ้น
สิ่งที่เราอาจจะต้องสังเกตกันให้ดีคือปฏิสัมพันธ์ของคนในทีมนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การสนทนาในช่องทางต่าง ๆ นั้นเป็นแบบไหน ยังแอคทีฟและ "มีพลัง" อยู่หรือไม่ หรือมันกำลังเหือดแห้งไป
แล้วถ้าสัญญาณเตือนมันเริ่มชัด มันก็จะต้องจะเป็นงานใหญ่ของผู้นำ ผู้บริหาร หรือหัวหน้าทีมที่จะต้องทำอะไรบ้างอย่างเพื่อรีบแก้ไขก่อนที่จะสายไป
ความคิดเห็น