top of page

สาเหตุสำคัญและทำให้หลายองค์กรปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลไม่ได้ (แต่หลายคนมองข้าม)

มาถึงวันนี้ ผมเชื่อว่าหลายๆ องค์กรเองก็น่าจะรู้และเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคธุรกิจดิจิทัลกันแล้ว แน่นอนว่ามันนำมาซึ่งการที่หลายๆ องค์กรเริ่มเตรียมตัวหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อให้มีหน่วยงานที่เข้ามาช่วยสร้างรากฐานเพื่อรองรับธุรกิจดิจิทัลในอนาคต นั่นเลยทำให้เราเห็นองค์กรมากมายรับสมัครงานตำแหน่งการตลาดดิจิทัลกันมากขึ้นเช่น Digital Marketing Manager, Social Media Manager หรือถ้าเอาบางองค์กรก็มีการพูดถึงตำแหน่งสูงๆ ระดับ Director กันเลยทีเดียว

ฟังดูเหมือนเป็นอนาคตที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนที่สนใจในเรื่องการตลาดดิจิทัลอยู่พอสมควร แต่สิ่งที่เราอาจจะต้องกังวลคือแม้จะมีความตื่นตัวมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เอาจริงๆ กลับยังหาองค์กรที่ปรับตัวเองไปสู่ Digital Business ได้จริงๆ น้อยมาก บางบริษัทแม้จะมีคนเข้าไปทำงานการตลาดดิจิทัลแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างที่น่าจะเป็น

และสุดท้ายก็ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปสู่ในจุดที่หลายๆ คนพร่ำบอกกันมาหลายปีแบบที่บอกว่า Change or Die ซึ่งมันก็อดให้คิดไม่ได้ว่าองค์กรส่วนใหญ่เลือกจะไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ หรือ? คนทำงานไม่รู้สึกเดือดร้อนกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลจริงๆ หรือ?

หลายๆ คนอาจจะบ่นทำนองว่าผู้บริหารหรือคนทำงานหลายคนไม่เข้าใจ หรือไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ เลยไม่คิดจะจริงจังกับมัน แต่จากประสบการณ์ของผมที่คุยกับหลายๆ องค์กรมานั้น มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ และสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจดิจิทัล แต่คือคนที่เข้าใจดิจิทัลเองนั่นแหละ

อาจจะฟังดูงงๆ แต่ที่ผมลองฟังเรื่องเล่าจากหลายๆ คนแล้ว ปัญหาสำคัญที่มักจะเกิดขึ้นคือคนที่พยายามนำการเปลี่ยนแปลงให้บริษัทไปสู่ธุรกิจที่รองรับยุคดิจิทัลนั่นแหละที่ไปทำให้การเปลี่ยนแปลงชะงักหรือหลายๆ ทีก็ถึงกับพังครืนเลยก็มี

อย่างหนึ่งที่เราต้องเข้าใจกันเสียก่อนคือการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลนั้นไม่ใช่เรื่องแค่คนสองคนจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงได้ เพราะธุรกิจนั้นมีความสลับซับซ้อนและมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมากมาย แม้แต่ฝั่งการตลาดเองที่เรียกว่าเป็นตัวเริ่มนั้นก็ยังมีเรื่องการตลาดแบบ Traditional Marketing อยู่

ทีนี้ปัญหาที่เรามักจะเจอคือการที่คนการตลาดดิจิทัลเองนี่แหละ ที่มักตั้งแง่คิดว่าหมดยุคของ Traditional Marketing ประเภทการใช้ Bill Board หรือทำ TVC ไปแล้ว มันต้องถึงยุคของการใช้ Digital Media หรือ Social Media กันแล้ว

พอคิดแบบนี้มันเหมือนกับการไปหักล้าง ประเภทที่เรียกว่าให้คนที่ทำงาน Traditional Marketing ตกงานกันเลยว่างั้น

สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะเจอในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา คือคนทำงานการตลาดดิจิทัลหลายๆ คนคิดว่าตัวเองเป็นประเภทที่เหนือกว่านักการตลาดคนอื่นๆ บ้างก็มองว่าตัวเองคือทางรอดอย่างเดียวของบริษัทที่ใครๆ ก็ต้องฟัง

คำถามคือมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า?

ผมมักจะบอกหลายๆ คนอยู่เสมอว่าการตลาดดิจิทัลนั้นเป็นดินแดนใหม่ที่น่าค้นหา น่าตื่นเต้น เช่นเดียวกับผู้บริโภคจำนวนมากที่กำลังปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยียุคใหม่ซึ่งสร้างพฤติกรรมใหม่ๆ ให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ว่าทุกคนจะปรับตัวได้เร็วขนาดนั้น และการตลาดดิจิทัลก็ใช่ว่าจะสามารถเข้าถึงทุกคนได้ (คุณต้องอย่าลืมว่าคนไทยออนไลน์เยอะจริง แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งประเทศนะครับ)

พอเป็นแบบนี้แล้ว คนที่คิดจะนำการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลให้กับองค์กรนั้นจึงไม่ควรเป็นประเภทไปทึกทักว่าดิจิทัลคือทุกสิ่งและใครไม่เปลี่ยนคือตกยุคหรือมองว่าการคิดงานแบบสมัยก่อนนั้นเชย เอ้าท์ เพราะถ้าคุณไปตั้งแง่คิดแบบนั้นแล้ว คงจะยากที่คนในองค์กรจะเห็นด้วยและร่วมมือกับคุณ

แต่เชื่อไหมฮะ ว่านั่นคือสิ่งที่มักเกิดขึ้น

การเปลี่ยนแปลงนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับกันเนื่องจากหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ขณะเดียวกัน คนที่จะนำพาทุกคนให้ผ่านการเปลี่ยนแปลงไปได้ก็ต้องมีคุณสมบัติในการโน้มน้าวและสร้างการยอมรับจากคนอื่นๆ ในองค์กรด้วยเพราะไม่อย่างนั้นก็จะสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่ได้

เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องการที่คนนำการเปลี่ยนแปลงต้องเป็นพวกดิจิทัลจ๋า ต้องเก่งหรือแม่นทฤษฏีการตลาดแต่อย่างใด หากแต่ต้องเป็นคนที่เข้าใจวิธีในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ได้ ซึ่งนั่นมันเป็นอีกเรื่องเลยทีเดียว

ว่าแล้ว เราลองถามกันไหมดีไหมครับว่าที่องค์กรต่างๆ ที่เรารู้จักยังไม่สามารถเป็น Digital Business ได้นั้นเพราะอะไรกันแน่

Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page