top of page

เมื่อ Organic Reach แทบไม่เหลือ เรายังจะต้องทำ Facebook Page หรือไม่ ?



มีคนแชร์โพสต์หนึ่งที่จุดประเด็นน่าสนใจของเจ้าของธุรกิจที่ตอนนี้เหมือนจะยกธงขาวให้กับการที่ Facebook กด Organic Reach อย่างหนักแล้วรู้สึกว่าไม่รู้จะลงทุนทำคอนเทนต์หล่อเลี้ยงเพจไปทำไม สู้เอาเงินไปทำคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มอื่นที่ยังได้ยอดการเข้าถึงมากกว่า มี Engagement มากกว่าเพราะถ้าโพสต์ไปแล้วไม่มีคนไลค์อะไรเลยก็ดูเหมือนว่าร้านดูแย่เสียอีกต่างหาก


แล้วก็มีหลายคนโพสต์ไปในทางแบบเดียวกันทำว่าถอยดีกว่า หมดยุคทองของ Facebook Page แล้ว

คำถามที่น่าคิดคือมันเป็นอย่างนั้นจริงใช่หรือไม่ ? แล้วเราจะยังต้องทำ Facebook Page ต่อไปอีกหรือ ถ้าทำไปแล้วคนก็ไม่เห็นคอนเทนต์แบบนี้


การจะตอบคำถามนี้ได้นั้น ผมว่ามันก็ต้องย้อนกลับไปก่อนแต่ต้นของ Social Media Strategy (หรือเผลอ ๆ ไล่ไปถึง Marketing Strategy) เลยว่าการมีอยู่ของ Facebook Page นั้นทำหน้าที่อะไรให้กับธุรกิจ ? มันมีบทบาทสำคัญอะไร ? แล้วทำไมเราต้องทำสิ่งนั้น ?


ที่บอกแบบนี้เพราะถ้าเกิดเรามีไว้เหมือนเป็นหน้าร้านให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและมาดูข้อมูลของตัวธุรกิจ เหมือนกับที่บางทีเราก็อยากรู้ว่าร้านนี้อยู่ที่ไหน มีสินค้าอะไร มีอัปเดตอะไร มันก็ยังจำเป็นอยู่ และเราต้องดูว่าเพจมีข้อมูลสำคัญที่ลูกค้าของเราจะต้องการหรือไม่


แต่ถ้าสมมติเราบอกว่าจะให้ Facebook Page ทำหน้าที่สร้าง Organic Engagement เพื่อให้ตัวธุรกิจเป็นกระแสและหวัง "การเข้าถึงฟรี" บน Facebook แล้ว แน่นอนว่าสิ่งนี้ดูจะได้ยากกว่าแต่ก่อนเยอะ และอาจจะไม่ใช่แทคติกที่เหมาะอีกต่อไป แล้วเราอาจจะต้องไปดูว่า "การเข้าถึงฟรี" นี้ควรจะใช้แทคติกอะไรแทน


สำหรับผมแล้ว มันไม่มีคำตอบว่าควรทำหรือไม่ควรทำเพราะมันย้อนกลับไปที่ Strategy ของธุรกิจว่ามองการใช้ Facebook Page นี้เพื่อแก้ปัญหา / สร้างโอกาสอะไรให้กับธุรกิจ ซึ่งถ้ามันยังทำหน้าที่นั้นได้อยู่ เราก็ทำต่อไป แต่ปัญหาที่เรามักเจอคือหลายธุรกิจก็ยังไม่แน่ชัดเลยว่าเอา Facebook Page มาทำอะไร แล้วก็มีคอนเทนต์โพสต์ ๆ ไปโดยที่ไม่มีทิศทางชัดเจน ไม่มีกลยุทธ์ว่าการปั้ม Organic Reach นี้ทำเพื่ออะไร จะต้องการ Engagement ไปทำไม


ส่วนถ้าบอกว่ามีเพจแล้วไม่มี Engagement จะทำให้ดูร้านค้าแย่นั้น ก็ต้องกลับไปถามต่ออีกว่านั่นเป็นสมมติฐานหรือข้อเท็จจริงในมุมมองของลูกค้า ลูกค้าตัดสินร้านจาก Engagement ในโพสต์หรือสนใจตัวคอนเทนต์และข้อมูลที่มีอยู่กันแน่ ? ซึ่งผมว่าลูกค้าหลายคนก็ไม่ได้จะใส่ใจกับหลายธุรกิจว่า Engagement เท่าไร หากแต่สนใจเนื้อหาในคอนเทนต์ของเพจเสียมากกว่า แถมเผลอ ๆ อาจจะกลายเป็นว่าถ้าเพจไม่อัปเดต เราจะนึกเอาว่าร้านเจ๊งหรือปิดไปแล้วเสียอีกต่างหาก


พอเป็นแบบนี้แล้วเราจะทำอย่างไร ? มันก็กลับมาว่าถ้าเราต้องการหล่อเลี้ยงคอนเทนต์ของเพจอยู่เรื่อย ๆ ก็อาจจะต้องพิจารณาว่าจะทำคอนเทนต์ในลักษณะไหน การเรียนรู้การใช้เครื่องมือในปัจจุบันช่วยทุ่นแรงและประหยัดเวลาเพื่อทำให้สร้างคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้นแทนที่จะต้องจ้างทีมขนาดใหญ่ รวมทั้งการหาสมดุลว่าจะอัปเดตบ่อยขนาดไหนที่ไม่ทำให้คนเข้ามาเพจแล้วรู้สึกว่าเพจร้าง ไม่อัปเดต เป็นต้น


สิ่งสำคัญที่ผมคิดและอยากให้เจ้าของธุรกิจต่าง ๆ คิดตามให้ดีหากจะพิจารณาเรื่องว่าจะยังทำเพจต่อไปไหม จะเลิกทำ จะลดทีออนไลน์ลง ฯลฯ คือการพิจารณาเรื่องกลยุทธ์ของการตลาดและการใช้ Facebook Page ว่าควรจะลงกับหน้าที่อะไรในกลยุทธ์นั้น หากเราไม่คิดตรงนี้ให้ขาดแล้ว ต่อให้ย้ายไปแพลตฟอร์มไหน ไม่ช้าก็เร็วที่จะเจอปัญหาแบบเดียวกัน แถมร้านเราย้ายออกไปจาก Facebook แต่ใช่ว่าผู้ใช้งานจะย้ายออกไปด้วยเหมือนกันเสียทั้งหมด มันก็จะกลายเป็นว่าเราเสียโอกาสในการทำการตลาดบนช่องทางที่บางกลุ่มยังให้ความสำคัญอยู่นั่นเองล่ะครับ

Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page