เรื่องน่าคิดจากดีล Nike กับ eSports
แม้จะไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายเท่าไร (เพราะลือกันมาพักใหญ่ๆ) แต่ข่าวการที่ Nike เซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์ให้กับ League of Legends Pro League (LPL) ที่จีนก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ในหลายๆ วงการเช่นกัน
LPL x Nike Starting from the 2019 Mid-Season Invitational, you can purchase @Nike and LPL esports themed clothing. The LPL team jersey designed by Nike will be unveiled during the 2019 World Championship finals too. So expect more future apparel and sneakers by Nike and the LPL! pic.twitter.com/2QXiKAxHFz — LPL (@lplenglish) February 28, 2019
eSports ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
แม้ว่าเกมอาจจะถูกหลายๆ คนมองว่าเป็นแค่ความบันเทิง แต่เราก็ต้องยอมรับว่า eSports นั้นก้าวไปมากกว่าแค่การเล่นเกมเพื่อความบันเทิงแล้ว มันกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตสูงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันกลายะเป็นกระแสที่มีกลุ่มแฟนคลับหนาแน่น จริงจัง และสร้างเม็ดเงินมหาศาลไม่แพ้กับกีฬาปรกติอย่างฟุตบอล บาสเกตบอล
และด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกที่แบรนด์ใหญ่ๆ เองก็จะเพ่งเล็งว่าจะเข้ามาในอุตสาหกรรม eSports นี้ได้อย่างไร เพราะถ้าสามารถเข้ามาในตลาดนี้ได้ ก็จะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่เลยทีเดียว แถมจะเป็นกลุ่มที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจนมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง (บ้างก็จะเรียกว่าเป็น Sub-Culture เลยก็ว่าได้) ซึ่งเชื่อได้ว่าต่อจากนี้เราก็จะเห็นแบรนด์ใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเทศหรือไทยเข้ามาเอี่ยวกับวงการ eSports มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
แบรนด์ Nike กับกีฬาในบริบทใหม่
อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจคือการที่ NIke ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ของ “กีฬา” มาแต่ไหนแต่ไรนั้น เข้ามาในวงการ eSports อย่างเป็นทางการ ก็เป็นเสมือนการยอมรับกลายๆ ถึง eSports ว่าเป็นหนึ่งในกีฬาของยุคปัจจุบัน และความหมายของคำว่า “กีฬา” กับตัวแบรนด์ Nike นั้นอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องนิยามกับนักกีฬาที่ต้องลงสนามจริงๆ แบบเดิมอีกต่อไป
จุดนี้เองอาจจะเป็นเหมือนโอกาสในการขยายขอบเขตของแบรนด์ออกไปให้มากมากกว่า สามารถตีความได้กว้างขึ้น เข้าถึงคนได้มากขึ้น เช่นเดียวกับทันสมัยและเข้ากับยุคปัจจุบัน (และอนาคต) ได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย
ที่เล่ามาถึงตรงนี้ก็เป็นเรื่องน่าคิดทีเดียวในแง่มูฟสำคัญของการตลาด เพราะเราก็รู้ดีว่า Nike เองมีงบการตลาดมากมาย แต่การจะเลือกสปอนเซอร์อะไรนั้นก็ต้องผ่านการคิดกันมาอย่างดีระดับหนึ่งว่าเข้าไปทำไม เข้าไปได้อะไร และไม่ใช่แค่เข้าไปเพราะตลาดนั้นใหญ่และสามารถขายของได้เยอะขึ้นเฉยๆ แต่ต้องตอบโจทย์กลับมาที่ตัวแบรนด์ให้ได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน
ก็ถือเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเรื่องการทำ Brand Sponsorship ในวันนี้ก็ว่าได้แหละครับ :)
