top of page

เมล็ดพันธุ์แห่งความรุนแรงที่ถูกปลูกโดยสื่อ

หลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ Sandy Hook จนสร้างความเศร้าสลดให้คนจำนวนมากที่อ่านข่าวพร้อมกับตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมอเมริกัน (รวมทั้งสังคมทั่วโลกที่นับวันจะมีข่าวแบบนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน) ก็มีการแชร์โพสต์ที่อ้างว่าเป็นคำพูดของ Morgran Freeman เกี่ยวกับความเห็นในเรื่องนี้

แม้ว่าภายหลังจะมีการปฏิเสธจาก Morgan Freeman ว่าไม่ได้เป็นคนพูดถ้อยคำเหล่านี้ แต่ครั้งแรกที่ผมอ่าน ผมโคตรจะเห็นด้วยกับความเห็นดังกล่าวเลย และถึงแม้ว่ามันจะเป็นการแอบอ้างอะไรก็ตาม แต่ผมขอถือโอกาสแปลมันและแสดงความเห็นต่อเสียหน่อย

คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร? นี่อาจจะฟังดูประชดประชันเสียหน่อยนะ แต่นี่คือสาเหตุว่าทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น มันเป็นเพราะวิธีนี่สื่อนำเสนอข่าวน่ะสิ คุณลองพลิกหน้าหนังสือพิมพ์หรือดูในทีวีสิ ว่าเราให้ความสำคัญกับมือปืนที่ยิงในโรงหนังซึ่งกำลังฉาย Batman อยู่ และมือปืนในห้างที่ Oregon อย่างกับดาราหรือคนดังเลย Dylan Klebold และ Eric Harris ก็เหมือนกัน (ทั้งสองคนคือเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุยิงเพื่อนนักเรียนที่ Columbine Highschool) แต่คุณเคยรู้จักชื่อของเหยื่อสักคนจากเหตุการณ์ที่ Columbine ได้ไหมล่ะ? มีคนโรคจิตที่อยู่ในห้องใต้ดินที่เห็นข่าวนั่นและอยากจะอยู่เหนือคนเหล่านี้ด้วยการทำอะไรที่เลวร้ายไปกว่าเดิม เพื่อที่จะได้เป็นที่จดจำ ทำไมถึงต้องเป็นโรงเรียนประถม? ทำไมต้องเป็นเด็กนักเรียน? ก็เพราะมันจะทำให้พวกเขาถูกจดจำว่าเป็นปีศาจร้ายแทนที่จะเป็นบุคคลน่าสงสารที่ไร้ตัวตนน่ะสิ รายงานของ CNN บอกว่าถ้าเรานับจำนวนผู้เสียชีวิต นี่จะนับเป็นการฆาตกรรมหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดรองจากเหตุการณ์ที่ Virginai Tech ซึ่งสถิตินี่ยิ่งทำให้ฆาตกรคนหนึ่งดูโหดร้ายกว่าอีกคน จากนั้นพวกเขาก็เอาคลิปสัมภาษณ์เด็กป. 3 ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นและได้ยินอะไรระหว่างที่เกิดการยิงกัน ขณะที่ช่อง Fox News ก็แปะหน้าฆาตกรอยู่ในรายงานของพวกเขาเป็นชั่วโมงๆ แล้วมีรายงานข่าวไหนสนใจเหยื่อผู้เสียชีวิตแทนที่จะสนใจฆาตกรล่ะ? ไม่มีแม้แต่สื่อเดียว เพราะมันไม่ “ขาย” น่ะสิ ฉะนั้นต้องยินดีกับสื่อต่างๆ ด้วยแล้วกันที่พวกคุณช่วยจุดไฟให้ใครสักคนอยากจะเอาชนะสถิตินี้โดยไปบุกไปสถานรับเลี้ยงเด็กหรือไม่ก็แผนกสูตินารีที่โรงพยาบาลสักแห่ง คุณสามารถช่วยทุกอย่างให้ดีขึ้นด้วยการลืมไปเสียว่าชายคนนั้นชื่ออะไร และหันมาจดจำชื่อของเหยื่อให้ได้อย่างน้อยสักหนึ่งคน ช่วยกันบริจาคให้การวิจัยเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิตแทนที่จะไปสนใจเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ที่สำคัญ คุณจะช่วยได้ด้วยการปิดรับข่าวซะ (ผมไม่ใช่คนได้ A วิชาการแปล ฉะนั้นการแปลผมอาจจะไม่สละสลวยเท่าไรนักนะครับ)

เอาล่ะ อย่างที่บอกว่าแม้มันจะไม่ใช่บทสัมภาษณ์จริงๆ ของ Morgan Freeman แต่ผมว่าข้อความข้างต้นตั้งประเด็นคำถามที่น่าคิดและโดยส่วนตัวผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับสังคมไทย

เราเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราเห็นข่าวอาชญากรรมขึ้นหน้าหนึ่งกันเกือบทุกวัน เพราะบ้านเมืองเราเต็มไปด้วยอาชญากรรึ? หรือว่าบ้านเมืองเราไม่มีข่าวดีๆ นอกจากข่าวพวกนี้มาลงหน้าหนึ่ง? ทำไมผมเจอข่าวพวกสังหารโหด ฆ่าข่มขืน ที่ต้องมีคน ตาย ตาย ตาย อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ที่อยู่บนแผง มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กยืนดูกันไม่เว้นแม้แต่ร้าน 7-11

ผมมีความเชื่อมากว่าส่วนหนึ่งของความรุนแรงในสังคมมาจากการเสพสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ผมเองก็ยังวิจารณ์อย่างรุนแรงเกี่ยวกับละครทีวีไทยที่ยังนับวันยิ่งร้อนแรงดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ (ไว้จะไปพูดในสักบล็อกทีหลัง) ซึ่งสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่เสนอข่าวก็ไม่ต่างกัน อะไรคือบรรทัดฐานและวิจารณญาณในการนำเสนอข่าวเหล่านี้ออกมาในสื่อ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ ทำไมเราเลือกจะให้คนไทยด้วยกันเห็นความรุนแรง เห็นความสูญเสีย เห็นความตายกันเป็นเรื่องปรกติทุกวัน?

แน่นอนว่าในต่างประเทศเองก็มีเหตุการณ์ไม่ต่างกัน แต่วิธีการปฏิบัติและนำเสนอของเรากับเขาช่างต่างกันเสียจริง ขณะที่ต่างประเทศมีข่าวอาชญากรรม เราแทบจะไม่เห็นศพคนหรือฉากหวาดเสียวอะไร ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นจะต้องมีผ้าปิดมิดชิด ที่เราพอจะเห็นได้คือศพที่ถูกลำเลียงออกจากพื้นที่ (และแทบไม่เห็นอะไรเลย)

แต่กับคนไทย เราเห็นศพ ซาก เต็มทีวี อยู่บนหน้า 1  แล้วใช้วิธีเซ็นเซอร์เอาเพราะไม่อยากให้เห็นความรุนแรง (เพื่อ???)

มันก็แอบตลกดีนะกับสังคมที่เราบอกตัวเองว่าเป็นสังคมดีงาม มีศีลธรรม แต่จริงๆ เราเน่าเฟะกันเหลือเกิน ทำไมเราไม่ใช้โอกาสที่ดีของสื่อในการสร้างสรรค์สังคม แทนที่จะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความร้ายกาจเพื่อที่จะโตขึ้นมาทำลายสังคมของเรา ทำไมเราถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

และมันคงจะหนักกว่านี้ ถ้าพวกเราปล่อยผ่านไปเพราะคิดเอาแต่ว่า “ธุระไม่ใช่” ไปทุกๆ วันนั่นแหละครับ

ปล. ความแสดงความเสียใจกับทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้นของ Sandy Hook ด้วยครับ – R.I.P.

Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page