top of page

เราใช้ Data ทำอะไรได้บ้างกับธุรกิจ

เรื่องของ Data กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างเช่นที่ตอนนี้เราพูดกันติดปากเรื่องของ Big Data ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจกันยกใหญ่

ถ้าว่ากันจริงๆ แล้วส่วนหนึ่งเพราะธุรกิจไม่เคยอยู่ในยุคที่มีข้อมูลเยอะขนาดนี้ แถมข้อมูลต่างๆ ก็ล้วนเผย “ข้อเท็จจริง” หลายๆ อย่างที่เราไม่เคยคิด หรือไม่มีความสามารถมากพอที่จะเก็บได้ แต่อย่างไรก็ตาม โจทย์ของการใช้ข้อมูลเหล่านี้ก็ดูไม่ใช่ง่ายนักสำหรับธุรกิจที่ไม่เคยคุ้นเคยกับการใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้น บทความวันนี้ผมเลยหยิบแนวคิดง่ายๆ ว่าเราจะเอาข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้างกับธุรกิจ (เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของหนังสือ The Data Strategy)

1. ใช้ Data เพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร

คงจะดีไม่น้อยถ้าคุณสามารถรู้ว่าการทำงานขององค์กรนั้นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า เช่นระยะเวลาที่ใช้ในการทำงานแต่ละขั้นตอน จำนวนคนที่ใช้ในแต่ละงาน ฯลฯ เพื่อนั่นทำให้คุณประเมินได้ว่าตอนนี้คุณกำลังใช้ทรัพยากรขององค์กร “คุ้มค่า” หรือเปล่า

ลองคิดง่ายๆ ครับว่าถ้าคุณรู้ได้ว่าบางโปรเจคใช้คนมากมายเข้าไปทำงานแต่กลับได้ผลลัพธ์ไม่เยอะ ในขณะที่บางโปรเจคอาจจะไม่ได้ทำอะไรมากแต่ได้ผลลัพธ์เป็นชิ้นเป็นอัน สมัยก่อนอาจจะเป็นเรื่องที่ตัดสินยากเพราะไม่มีการเก็บข้อมูลและบางทีเราก็ “คิดเองเออเอง” จนไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไรซึ่งการใช้ข้อมูลจะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมาก

2. ใช้ Data เพื่อสร้างสินค้า บริการ และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

คนทำงานสายการตลาดดิจิทัลจะรู้กันดีว่าข้อมูลคือ “ขุมทัรพย์” ในการทำงานเลยก็ว่าได้ เพราะยิ่งมีข้อมูลก็ยิ่งสามารถนำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นบนโลกดิจิทัลได้ เช่นการทำ Personalization บนเว็บไซต์ การซื้อโฆษณาแบบ Programmatic Buying ตลอดไปจนถึงการคิดบริการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อลูกค้าเฉพาะคน / เฉพาะกลุ่ม ซึ่งนั่นจะไม่สามารถทำได้เลยถ้าไม่มีข้อมูลอยู่ในมือ

ตัวอย่างง่ายๆ คือถ้าสมัยก่อนคุณไม่มีข้อมูลในมือคุณเลย การซื้อโฆษณาบน Facebook ก็จะสามารถเลือกใช้ได้แต่ Core Audience เท่านั้น แต่ถ้าคุณมีฐานข้อมูลของคุณเอง การทำ Custom Audience / Lookalike Audience ก็จะเป็นตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นและตอบโจทย์มากขึ้นด้วย (ปัจจุบัน Facebook เพิ่มความสามารถการทำ Custom Audience ที่ทำได้ง่ายขึ้นจากฐานข้อมูลของคนที่กดไลค์เพจ) ซึ่งนี่คือตัวอย่างง่ายๆ ว่าการมีข้อมูลนั้นจะช่วยให้เราสามารถทำการตลาดได้หลากหลายมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมด้วย

3. ใช้ Data เพื่อเผย Insight ของลูกค้า

ปรกติถ้าเราจะศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าในสมัยก่อนนั้น วิธีที่หลายๆ คนมักจะทำคือการทำ Market Research การทำแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ ฯลฯ แน่นอนว่านั่นคือวิธีเบสิคในการพยายามหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า แต่ปัญหาที่หลายๆ คนมักจะเจอคือความแม่นยำของข้อมูลเนื่องจากหลายๆ ครั้งกลายเป็นว่าการทำ Research เหล่านี้มีปัญหาเรื่องการตีความ หรือเจอเรื่องการมี “อคติ” ของคนทำการศึกษา

แต่ถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับนักวิเคราะห์ข้อมูลในปัจจุบันนั้นก็จะพบว่าข้อมูลจำนวนมากนั้นสามารถอธิบายพฤติกรรมหรือ “ความคิด” ของลูกค้าได้ละเอียดมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น และเป็นการอธิบายโดยใช้ข้อมูลของพฤติกรรมจริงๆ เช่นการใช้เวลาดูข้อมูลในแต่ละหน้า การจับดูว่าสายตาของคนดูหยุดที่คอนเทนต์ไหน คนดูคลิ้กอะไร กดดูแล้วไปไหนต่อ ฯลฯ ซึ่งนั่นล้วนเป็นข้อมูลที่เผย “ความคิด”​ ของลูกค้าด้วยข้อมูลจริง

เรื่องนี้เองยังใช้ได้กับหลายๆ เรื่องในการตลาดจริง เช่นการดูข้อมูลว่าลูกค้าซื้ออะไรมากกว่ากัน การวางสินค้าที่ตรงไหนที่ทำให้ลูกค้าซื้อมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นข้อมูลชั้นดีที่ทำให้คนทำการตลาดมองเห็นว่าลูกค้าของตัวเองเป็นใคร คิดอะไร และถ้าต้องการขายของให้เขานั้น คุณจะต้องทำอะไร

นี่คือตัวอย่างง่ายๆ ที่ว่า Data นั้นสามารถเอามาใช้กับธุรกิจได้ทั้งในองค์กร การตลาดกับลูกค้า และการวิเคราะห์ลูกค้า ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญๆ ของทุกธุรกิจ ก็ลองไปคิดกันดูนะครับว่าวันนี้คุณมีข้อมูลมากน้อยขนาดไหน และอนาคตคุณจำเป็นที่จะต้องมีลูกข้อมูลอะไรบ้างเพื่อให้ธุรกิจของคุณดีขึ้นไปกว่าเดิมเพื่อจะได้เริ่มวางโครงสร้างการเก็บข้อมูลกันตั้งแต่วันนี้นะครับ

Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page